2.การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา
ประเทศสหรัฐอมริกาเป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีลักษณะการรวมรัฐแบบสหพันธรัฐ ประกอบด้วยรัฐที่เป็นสมาชิก 50 มลรัฐมีประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ เช่นเดียวกับประเทศเยอรมัน ซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย (Initiative Process) มาใช้ในระดับมลรัฐมีทั้งสิ้น 24 มลรัฐดังนี้ มลรัฐ Alaska มลรัฐArizona มลรัฐArkansas มลรัฐCalifornia มลรัฐColorado มลรัฐFlorida มลรัฐIllinois มลรัฐMaine มลรัฐMassachusetts มลรัฐMichigan มลรัฐMississippi มลรัฐMissouri มลรัฐMontana มลรัฐNebraska มลรัฐNevada มลรัฐNorth Dakota มลรัฐOhio มลรัฐOklahoma มลรัฐOregon มลรัฐSouth Dakota มลรัฐUtah มลรัฐWashington มลรัฐWyomingและมลรัฐ Maine ซึ่งในจำนวนเหล่านี้บางมลรัฐยินยอมให้ประชาชนสามารถใช้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายในการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เท่านั้น หรือบางมลรัฐยินยอมให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้เฉพาะกับกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) เท่านั้น หรือบางมลรัฐยินยอมให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ)
การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายกฎหมายในแต่ละมลรัฐของสหรัฐอเมริกามีหลักเกณฑ์ที่สำคัญดังนี้
2.1 ประชาชนผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
ในทุกมลรัฐของสหรัฐอเมริการับรองการมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ได้กำหนดถึงประชาชนผู้มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายไว้ว่าจะต้องเป็นบุคคลผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้ว (Registered Voters) เพื่อที่จะป้องกันการโกงการเลือกตั้ง พร้อมทั้งจะส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของรัฐสามารถจะป้องกันผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติออกเสียงตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งในแต่ละมลรัฐได้กำหนดคุณสมบัติของการใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้งในการลงทะเบียนด้วยตนเองหรือบางมลรัฐยอมให้สามารถที่จะลงทะเบียนโดยทางไปรษณีย์ เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตามบางมลรัฐก็ไม่ได้กำหนดให้ต้องลงทะเบียนแต่อย่างใด เป็นต้น
ภายใต้การมีส่วนร่วมทางการเมืองโดยตรงในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย (Initiative Process) แต่ละมลรัฐสามารถที่จะกำหนดจำนวนของประชาชนที่มีสิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมายนั้นแตกต่างกันไป ซึ่งมักจะกำหนดไว้เป็นจำนวนอัตราส่วนร้อยละของจำนวนอัตราส่วนต่างๆกันไป จำนวนของลายมือชื่อของผู้สนับสนุนที่กฎหมายกำหนดไว้นี้จะมากน้อยแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าจะเป็นการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของมลรัฐหรือการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) แยกอธิบายดังนี้
2.1.1 มลรัฐที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของมลรัฐและการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา
มลรัฐที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของมลรัฐและการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) ทั้งที่เป็นกฎหมายใหม่หรือกฎหมายที่แก้ไขปรับปรุง มี 15 มลรัฐด้วยกัน เช่น มลรัฐColorado ในกรณีรัฐธรรมนูญ ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 5 ขึ้นไป ส่วนกฎหมายธรรมดาให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) จำนวนร้อยละ 5 เท่ากับการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ มลรัฐMissouri ในกรณีรัฐธรรมนูญ ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 8 ขึ้นไป ส่วนกฎหมายธรรมดา(รัฐบัญญัติ) ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) จำนวนร้อยละ 5 มลรัฐOhio ในกรณีรัฐธรรมนูญ ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ร้อยละ 8 ขึ้นไป ส่วนกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) จำนวนร้อยละ 6 ของจำนวนประชาชนในมลรัฐนั้นๆ เป็นต้น
2.1.2 มลรัฐที่ให้สิทธิประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้เฉพาะรัฐธรรมนูญ
มลรัฐที่ให้สิทธิประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้เฉพาะรัฐธรรมนูญ มีอยู่ 3มลรัฐ ดังนี้ มลรัฐFlorida กำหนดให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเท่านั้นจำนวน ร้อยละ 8 มลรัฐIllinois กำหนดให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเท่านั้นจำนวน ร้อยละ 8 เช่นกัน มลรัฐ Mississippi กำหนดให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญจำนวนร้อยละ 12 ของจำนวนประชาชนในมลรัฐนั้นๆ
2.1.3 มลรัฐที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้เฉพาะกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ)
มลรัฐที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้เฉพาะกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) เท่านั้น ทั้งที่เป็นกฎหมายใหม่หรือกฎหมายที่แก้ไขปรับปรุง มีอยู่ 3 มลรัฐ ดังนี้ มลรัฐWashington กำหนดให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) เท่านั้น จำนวน ร้อยละ 8 มลรัฐ Utah กำหนดให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) เท่านั้น จำนวน ร้อยละ 10 มลรัฐWyoming กำหนดให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) เท่านั้น จำนวน ร้อยละ 15 ของจำนวนประชาชนในมลรัฐนั้นๆ
2.2 ประเภทของกฎหมายที่ให้สิทธิเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
ประเภทของกฎหมายที่มลรัฐต่างๆในสหรัฐอเมริกาให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย (Initiative Process) มีได้ 2 ประการ คือ การให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญและเสนอกฎหมายธรรมดา (รัฐบัญญัติ) หลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างก็ขึ้นอยู่กับมลรัฐว่าจะกำหนดอย่างไร สามารถแยกอธิบายประเภทของกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย ดังนี้
2.2.1 การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของมลรัฐ (Constitution Initiative)
การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของมลรัฐ รวมถึงการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญบางส่วนหรือทั้งหมด ซึ่งได้บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญของมลรัฐต่างๆทั้งสิ้น 18 มลรัฐ ดังนี้ มลรัฐArizona มลรัฐArkansas มลรัฐCalifornia มลรัฐColorado มลรัฐMassachusetts มลรัฐMichigan มลรัฐMississippi มลรัฐMissouri มลรัฐMontana มลรัฐNebraska มลรัฐNevada มลรัฐNorth Dakota มลรัฐOhio มลรัฐOklahoma มลรัฐOregon มลรัฐSouth Dakota มลรัฐFlorida และมลรัฐIllinois โดยมีหลักเกณฑ์ที่สำคัญ คือ ประชาชน ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนหนึ่งตามที่กฎหมายกำหนด เช่น มลรัฐIllinois ได้บัญญัติว่าประชาชนสามารถใช้สิทธิในการริเริ่มเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับองค์ประกอบและหน้าที่ของสภามลรัฐเท่านั้น มลรัฐMassachusetts ได้กำหนดห้ามมิให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญมลรัฐในประเด็นที่ไม่สอดคล้องกับสิทธิต่างๆของประชาชนตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เช่น สิทธิที่จะได้รับค่าตอบแทนความเสียหายสำหรับทรัพย์สินของเอกชนจากการใช้ประโยชน์ของรัฐ สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองจากศาล สิทธิที่จะได้รับการพิจารณาคดีโดยลูกขุน สิทธิที่จะได้รับความคุ้มครองจากการค้นที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เสรีภาพในการพูด เสรีภาพในการเลือกตั้ง เป็นต้น
2.2.2 การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของมลรัฐ (Statutory Initiative)
การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายของมลรัฐในสหรัฐอเมริกามีด้วยกันทั้งสิ้น 21 มลรัฐ ดังนี้ มลรัฐ Alaska มลรัฐArizona มลรัฐArkansas มลรัฐCalifornia มลรัฐColorado มลรัฐMaine มลรัฐMassachusetts มลรัฐMichigan มลรัฐMissouri มลรัฐMontana มลรัฐNebraska มลรัฐNevada มลรัฐNorth Dakota มลรัฐOhio มลรัฐOklahoma มลรัฐOregon มลรัฐSouth Dakota มลรัฐUtah มลรัฐWashington มลรัฐWyoming และมลรัฐ Idaho
2.2.3 การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ(Constitution Initiative) และกฎหมายของมลรัฐ (Statutory Initiative)
การให้สิทธิแก่ประชาชนในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายนั้นการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอแก้ไขเพิ่มเติมทั้งรัฐธรรมนูญ (Constitution Initiative) และการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายทั้งที่เป็นกฎหมายใหม่ กฎหมายที่แก้ไขปรับปรุง (Statutory Initiative) ของมลรัฐในสหรัฐอเมริกา มีด้วย 15 มลรัฐ ดังนี้ มลรัฐArizona มลรัฐArkansas มลรัฐCalifornia มลรัฐColorado มลรัฐMassachusetts มลรัฐMichigan มลรัฐMissouri มลรัฐMontana มลรัฐNebraska มลรัฐNevada มลรัฐNorth Dakota มลรัฐOhio มลรัฐOklahoma มลรัฐOregon และมลรัฐSouth Dakota
ข้อสังเกต หลักเกณฑ์ที่สำคัญในเสนอร่างกฎหมายโดยประชาชน การแก้ไขหรือยกเลิกกฎหมายนั้นต้องไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญของมลรัฐนั้นๆ
2.3 รูปแบบของการร่างกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
การจัดรูปแบบของการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายของแต่ละมลรัฐในสหรัฐอเมริกาแยกพิจารณา ดังนี้
2.3.1 การให้สิทธิประชาชนเสนอกฎหมายโดยปราศจากการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติ (Direct Initiative)
การให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยปราศจากการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติ กล่าวคือ ข้อเสนอของประชาชนนั้นจะถูกเผยแพร่ไปยังประชาชนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั่วไปโดยตรง เพื่อขอการสนับสนุน หากข้อเสนอดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากผู้ออกเสียงเลือกตั้งครบตามจำนวนที่รัฐธรรมนูญของแต่ละมลรัฐได้กำหนดไว้แล้ว ข้อดังกล่าวก็จะเข้าสู่การออกเสียงเพื่อให้ประชาชนพิจารณาและลงมติและจะต้องได้รับคะแนนเสียงเพื่อให้ความเห็นชอบแบบเสียงข้างมากของจำนวนผู้ออกเสียงลงคะแนนทั้งหมด หลังจากนั้นข้อเสนอของประชาชนที่ผ่านการยอมรับแล้วก็จะถูกประกาศใช้เป็นกฎหมาย โดยไม่ต้องผ่านการพิจารณาของฝ่ายนิติบัญญัติแต่อย่างใด
การให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยปราศจากการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติ นี้มีใช้กัน 15 มลรัฐด้วยกัน คือ มลรัฐArizona มลรัฐArkansas มลรัฐCalifornia มลรัฐColorado มลรัฐMassachusetts มลรัฐAlaska มลรัฐUtah มลรัฐMissouri มลรัฐMontana มลรัฐNebraska มลรัฐWashington มลรัฐNorth Dakota มลรัฐOklahoma มลรัฐOregon และมลรัฐWyoming ซึ่งนับได้ว่าเป็นการใช้อำนาจอธิปไตยทางตรงอย่างแท้จริง
2.3.2 การให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยอ้อม (Indirect Initiative)
การให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยอ้อม กล่าวคือ ข้อเสนอของประชาชนจะถูกเสนอให้ฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาก่อน หากฝ่ายนิติบัญญัติพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับข้อเสนอของประชาชนพร้อมทั้งผ่านกฎหมายหรือดำเนินการแก้ไขกฎหมายโดยมีเนื้อหาเช่นเดียวกับข้อเสนอของประชาชนแล้ว ข้อเสนอของประชาชนก็จะเป็นโมฆะหรือถูกถอนไป ซึ่งในสถานการณ์นี้ศาลจะเป็นผู้ทำหน้าที่ในการพิจารณาว่ากฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติได้แก้ไขหรือได้บัญญัติขึ้นใหม่นั้นมีเนื้อหาเหมือนกันกับข้อเสนอของประชาชนหรือไม่ และในขณะเดียวกันหากกฎหมายที่ฝ่ายนิติบัญญัติทำการแก้ไขไม่ได้มีเนื้อหาเช่นเดียวกันกับข้อเสนอของประชาชน หรือฝ่ายนิติบัญญัติไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอของประชาชนและไม่กระทำการใดๆภายในเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไว้ หรือฝ่ายนิติบัญญัติปฏิเสธที่จะทำตามข้อเสนอของประชาชน ข้อเสนอนั้นก็จะถูกเสนอให้ประชาชนผู้ออกเสียงเลือกตั้งทั้งมลรัฐได้ทำการออกเสียงประชามติในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เพื่อทำการลงประชามติในขั้นสุดท้ายว่ายอมรับหรือปฏิเสธข้อเสนอนั้น
รูปแบบของการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยอ้อมมีใช้กันในบางมลรัฐ เช่น มลรัฐMassachusetts มลรัฐMichigan มลรัฐMain มลรัฐNevada และมลรัฐSouth Dakota เป็นต้น
ข้อสังเกต ในบางมลรัฐนั้นยินยอมให้สิทธิประชาชนสามารถที่จะเข้าชื่อเสนอกฎหมายได้ทั้งสองรูปแบบ คือการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยปราศจากการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติกับ การให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยอ้อม ได้เช่นกัน
2.4 หลักเกณฑ์และวิธีการในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
หลักเกณฑ์และวิธีการในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายทั้งรัฐธรรมนูญและกฎหมายของแต่ละมลรัฐในสหรัฐอเมริกา จะใช้หลักเกณฑ์และวิธีการเดียวกัน คือ ผู้ริเริ่มก่อการ ในแต่ละมลรัฐจะกำหนดไว้ว่าจะต้องมีจำนวนเท่าใดจะต้องยื่นข้อความที่ตนต้องแก้ไขและนำเสนอต่อผู้ว่าการของมลรัฐหรือเสนอต่อผู้มีอำนาจตามที่กฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนดไว้ หลังจากนั้นผู้ริเริ่มก่อการสามารถที่จะประชาสัมพันธ์ให้มีการลงลายมือชื่อสนับสนุนข้อเสนอของตนโดยต้องให้ได้จำนวนที่ผู้ที่สนับสนุนครบตามที่กฎหมายกำหนดไว้ซึ่งในแต่ละมลรัฐจะกำหนดไว้แตกต่างกัน
หลักเกณฑ์และวิธีการในการให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมายต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์เบื้องต้น คือ เรื่องคุณสมบัติของผู้เข้าชื่อที่จะต้องเป็นผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งที่ได้ลงทะเบียนไว้แล้วและจะต้องมีจำนวนของผู้ให้การสนับสนุนครบตามที่กฎหมายกำหนดไว้แล้วและจะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนที่สำคัญดังนี้
2.4.1 รูปแบบของข้อเสนอ (From of petition)
รูปแบบของข้อเสนอที่เป็นกระบวนการในการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชนไว้ในลักษณะเดียวกัน คือ ต้องมีหัวข้อเรื่อง (heading or title) และมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนในประเด็นที่ต้องการจะแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ผู้ที่จะลงลายมือชื่อสนับสนุนที่จะอ่านเข้าใจได้ ในหลายๆมลรัฐได้กำหนดให้ข้อเสนอของประชาชนจะต้องมีลายมือชื่อของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ให้การสนับสนุนในจำนวนตามที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งจะต้องส่งข้อเสนอนั้นไปยังเจ้าหน้าที่ของมลรัฐผู้มีอำนาจ และข้อเสนอนี้จะถูกตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ของมลรัฐ ซึ่งรวมถึงอัยการของมลรัฐ หัวหน้าส่วนราชการของมลรัฐและอาจถูกตรวจสอบโดยคณะกรรมการร่างกฎหมายฝ่ายนิติบัญญัติของมลรัฐนั้น โดยการตรวจสอบนี้จะเป็นการตรวจสอบในประเด็นที่ว่าข้อเสนอของประชาชนนั้นเป็นเรื่องที่ต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญของมลรัฐนั้นหรือไม่ เช่น หากข้อเสนอของประชาชนเป็นเรื่องเกี่ยวกับงบประมาณหรือมีหลายเรื่องพร้อมๆกัน ซึ่งต้องห้ามข้อเสนอนั้นก็จะถูกส่งกลับไปให้ผู้ริเริ่มก่อการได้ทำการแก้ไขให้เป็นตามที่กฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนด ซึ่งเมื่อทำการแก้ไขแล้วก็จะต้องส่งข้อเสนอดังกล่าวไปให้ประชาชนทั้งมลรัฐได้ทำการออกเสียงประชามติให้ความเห็นชอบกับการแก้ไขนั้นอีกครั้ง
2.4.2 ระยะเวลาในการเสนอ (Deadlines)
ระยะเวลาในการเสนอกฎหมายกำหนดการยื่นข้อเสนอของประชาชนของแต่ละมลรัฐนั้นแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่ามลรัฐใช้รูปแบบการยื่นแบบการริเริ่มเสนอกฎหมายโดยประชาชนโดยปราศจากการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติกับการริเริ่มเสนอกฎหมายโดยประชาชนโดยอ้อม ซึ่งการยื่นข้อเสนอของประชาชนมีความสมบูรณ์นั้นจะต้องปฏิบัติตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ 2 ประการ ดังนี้
1.ระยะเวลาในการยื่นข้อเสนอ (filing deadlines) แยกอธิบาย ได้ดังนี้
1)ระยะเวลาในการยื่นข้อเสนอสำหรับมลรัฐใช้รูปแบบการยื่นแบบการริเริ่มเสนอกฎหมายโดยประชาชนโดยปราศจากการกระทำของฝ่ายนิติบัญญัติ มักจะกำหนดให้ยื่นข้อเสนอต่อเจ้าหน้าที่ของมลรัฐที่มีอำนาจเป็นเวลาประมาณ 60-90 วันก่อนที่จะเลือกตั้งทั่วไป
2)ระยะเวลาในการยื่นระยะเวลาในการยื่นข้อเสนอสำหรับมลรัฐใช้รูปแบบการยื่นแบบการริเริ่มเสนอกฎหมายโดยประชาชนโดยอ้อม จะต้องยื่นต่อสภาของมลรัฐไม่น้อยกว่า 30 วัน ก่อนการเปิดสมัยประชุมสภานิติบัญญัติของมลรัฐนั้น
2. ระยะเวลาในการรวบรวมลายมือชื่อของผู้สนับสนุน (circulation deadlines) การรวบรวมลายมือชื่อของผู้สนับสนุนข้อเสนอนั้นจำนวนของผู้สนับสนุนกฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนดไว้แตกต่างกัน เช่น ในบางมลรัฐกำหนดไว้ 2 ปี หรือบางมลรัฐกำหนดไว้ 1 ปี หรือบางมลรัฐอาจไม่กำหนดระยะเวลาไว้เลย เป็นต้น
2.4.3 คะแนนเสียงให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอของประชาชน
กฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนดไว้แตกต่างกันกับคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบต่อข้อเสนอของประชาชน ซึ่งมลรัฐส่วนใหญ่กำหนดให้จะต้องได้รับคะแนนเสียงให้ความเห็นชอบแบบเสียงข้างมากของผู้มาลงคะแนนเสียงในข้อเสนอนั้น ซึ่งในบางมลรัฐยังเพิ่มหลักเกณฑ์เสียงข้างมากนั้นจะต้องไม่น้อยกว่าจำนวนอัตราส่วนร้อยละที่กำหนดไว้แน่นอน เป็นต้นว่าจะต้องไม่น้อยกว่า ร้อยละ 35 ของผู้ออกเสียงลงคะแนน
2.5 ผลทางกฎหมายของร่างกฎหมายที่ให้สิทธิประชาชนเข้าชื่อเสนอกฎหมาย
เมื่อข้อเสนอของประชาชนได้ดำเนินการครบตามขั้นตอนและได้รับคะแนนเสียงเห็นชอบจากประชาชนให้สามารถใช้เป็นกฎหมายได้แล้วนั้นก็จะมีผลบังคับในทันที่โดยคำประกาศหรือแถลงการณ์ของผู้ว่าการมลรัฐหรืออาจกำหนดเวลาการมีมีผลใช้บังคับก็ได้ และภายหลังจากที่ได้รับการประกาศใช้แล้ว โดยเฉพาะกฎหมายที่ผ่านการริเริ่มเสนอกฎหมายของประชาชน ฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถที่จะทำการแก้ไขหรือยกเลิกได้จนกว่าจะพ้นเวลาตามที่กฎหมายกำหนดหรือครบเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ซึ่งหลักเกณฑ์ดังกล่าวนี้กฎหมายของแต่ละมลรัฐกำหนดไว้แตกต่างกัน เช่น มลรัฐCalifornia กำหนดว่ากฎหมายที่ถูกริเริ่มเสนอร่างกฎหมายของประชาชน สามารถแก้ไขได้โดยฝ่ายนิติบัญญัติ หากในตัวกฎหมายนั้นได้ให้อำนาจแก่ฝ่ายนิติบัญญัติให้สามารถกระทำได้ หากไม่มีกฎหมายให้อำนาจไว้ การแก้ไขกฎหมายที่ผ่านกระบวนการดังกล่าวนั้นจะต้องได้รับความยินยอมจากประชาชนผู้ออกเสียงเลือกตั้งก่อน จึงสามารถกระทำได้ มลรัฐNorth Dakota ได้กำหนดว่ากฎหมายที่ผ่านกระบวนการริเริ่มเสนอร่างกฎหมายของประชาชนแล้วนั้น ไม่อาจจะถูกถอนหรือยกเลิกหรือแก้ไขโดยฝ่ายนิติบัญญัติได้ จนกว่าเวลาผ่านพ้นไปแล้ว 7 ปี เว้นแต่จะได้รับคะแนนเสียงให้สามารถกระทำได้ด้วยจำนวน 2 ใน 3 ของสมาชิกของแต่ละสภามีมติให้กระทำได้ มลรัฐNevada กำหนดว่ากฎหมายที่ผ่านกระบวนการริเริ่มเสนอร่างกฎหมายของประชาชน ฝ่ายนิติบัญญัติไม่สามารถที่จะแก้ไขได้จนกว่าเวลาผ่านพ้นไปแล้ว 3 ปีนับแต่วันประกาศ เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง
วนิดา แสงสารพันธ์ “หลักรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชน”
กรุงเทพฯ : สำนักพิมพ์วิญญูชน , 2548.